วิธีใช้เครื่องซักผ้า

วิธีใช้เครื่องซักผ้าให้เหมาะสม พร้อมการดูแลเครื่องซักผ้าให้อายุนานยิ่งขึ้น

หลาย ๆ บ้านจะต้องมีเครื่องซักผ้าใช้กันอย่างแน่นอน เพราะเครื่องซักผ้าช่วยทำความสะอาดผ้าให้เราได้อย่างรวดเร็ว และเครื่องซักผ้ารุ่นใหม่สมัยนี้ก็ยังมาพร้อมฟังก์ชันที่ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกและเชื้อโรค แต่ถ้าคุณยังไม่รู้วิธีใช้เครื่องซักผ้าที่ถูกต้อง ผ้าของคุณก็อาจจะหม่นหมองเนื่องจากมีคราบสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่ และหากกังวลว่าเครื่องซักผ้าของตนเองไม่สะอาดนั้น ก็สามารถเลือกใช้บริการล้างเครื่องซักผ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องซักผ้าและรักษาความสะอาดได้อีกด้วย

บทความนี้เราก็อยากมาแนะนำวิธีใช้เครื่องซักผ้าที่เหมาะสม เพื่อที่คุณจะได้นำไปปรับใช้ได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้เรายังได้รวบรวมวิธีใช้เครื่องซักผ้าให้มีอายุยาวนานมากยิ่งขึ้น เพื่อที่เครื่องซักผ้าจะได้อยู่กับคุณไปนาน ๆ ซึ่งวิธีการซักผ้าด้วยเครื่องจะมีขึ้นตอนอย่างไรบ้าง ไปดูกัน


วิธีใช้เครื่องซักผ้า ต้องดูจากอะไรบ้าง

วิธีใช้เครื่องซักผ้าฝาหน้า

วิธีใช้เครื่องซักผ้าที่ถูกต้องคุณจะต้องดูจากเนื้อผ้า เพราะผ้าแต่ละชนิดจะมีลักษณะเนื้อผ้าที่แตกต่างกัน จึงต้องใช้วิธีการซักผ้าด้วยเครื่องที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ผ้าลินินก็ควรซักแยกกับผ้าฝ้าย เนื่องจากผ้าลินินจะเป็นผ้าที่ค่อนข้างยับง่าย ดังนั้นคุณจึงไม่ควรปั่นผ้าแรง ๆ ควรใช้โหมดถนอมผ้า เป็นต้น


ประเภทของเครื่องซักผ้า

เครื่องซักผ้าอัตโนมัติ

เครื่องซักผ้าอัตโนมัติแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เครื่องซักฝาบนและเครื่องซักฝาหน้า ซึ่งวิธีใช้เครื่องซักผ้าของทั้ง 2 แบบนี้ใช้งานง่ายมาก เพียงแค่คุณนำน้ำยาซักผ้าใส่เข้าไปในเครื่องซักผ้าจากนั้นทำการตั้งโปรแกรมซัก เครื่องก็จะทำงานให้เรียบร้อยพร้อมอบปั่นแห้งให้ด้วย หลังจากนั้นคุณก็นำผ้าออกไปตากก็เป็นอันเสร็จ

เครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติ

เครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติจะแบ่งออกเป็น 2 ถัง โดยแยกเป็นถังซักกับถังปั่นแห้ง ขั้นตอนการซักผ้ากึ่งอัตโนมัติคือ คุณจะต้องเลือกเวลาในการปั่น ระดับของการปั่น และเวลาในการปั่นแห้ง โดยเริ่มจากการเปิดน้ำใส่ถัง ต่อมาใส่น้ำยาซักผ้าและนำผ้าลงถังซัก จากนั้นจึงตั้งเวลาซักผ้า 

หลังจากนั้นให้คุณทำเช่นนี้อีกรอบแต่ให้ซักล้างด้วยน้ำเปล่าและตามด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม เมื่อซักเสร็จให้คุณนำผ้ามาปั่นในถังปั่นแห้ง แล้วจึงค่อยนำผ้าไปตากก็เป็นอันเสร็จสิ้น


วิธีแยกเสื้อผ้าก่อนซัก

สังเกตป้ายแนะนำการซัก

ก่อนที่คุณจะนำผ้าไปใส่เครื่องซักผ้า เราอยากให้คุณอ่านสัญลักษณ์หรือข้อแนะนำในการซักผ้าสากลบนป้ายเสื้อเสียก่อน เพราะผ้าแต่ละชนิดจะต้องใช้วิธีซักผ้าที่แตกต่างกัน นอกจากนี้การซักผ้าตามป้ายแนะนำยังช่วยถนอมเสื้อผ้าให้มีอายุการใช้งานนานขึ้น

กระบวนการทำงานของเครื่องซักผ้า

ใช้ถุงตาข่ายซักผ้าที่บอบบาง

อีกหนึ่งวิธีใช้เครื่องซักผ้าให้เหมาะสมคือ ควรแยกผ้าที่มีความเปราะบางออกก่อน ได้แก่ ผ้าเรย่อน ผ้าคอตตอน และผ้ายืด เพราะเนื้อผ้าเหล่านี้จะยับหรือย้วยได้ง่าย 

แยกผ้าจากน้ำหนัก

สำหรับใครที่ไม่อยากให้ผ้าเสียทรงไว คุณควรแยกผ้าจากน้ำหนักก่อนนำไปซัก ซึ่งเป็นขั้นตอนการซักผ้าที่ถูกต้อง เพราะเครื่องซักผ้าจะทำงานโดยการหมุนและปั่นผ้าไปมา ทำให้ผ้าหนาไปกระทบกับผ้าเนื้อบางได้ 

แยกผ้าจากสี

วิธีใช้เครื่องซักผ้าที่คุณควรทำคือ การแยกผ้าสี โดยผ้าสีเข้มควรแยกกับสีอ่อน นอกจากนี้ถ้าหากคุณซื้อเสื้อมาใหม่ก็ควรแยกซักตัวเดียวด้วย เพราะเสื้อใหม่อาจจะมีสีตกระหว่างซัก หากไม่แยกออกสีอาจไปติดเสื้อผ้าตัวอื่น ๆ ได้


การตั้งค่าการทำงานของเครื่องซักผ้า

ซักผ้าด้วยเครื่อง

เลือกประเภทการซักให้เหมาะสมกับเสื้อผ้า

วิธีใช้เครื่องซักผ้าที่ถูกต้องคุณจะต้องตั้งโหมดในการซักผ้าให้เหมาะกับเนื้อผ้า โดยโหมดในการซักผ้ามีดังต่อไปนี้

  • โหมดซักปกติ

โหมดนี้จะแบ่งความเร็วออกเป็นสองส่วนคือปั่นเร็วและรีดเร็ว เหมาะกับเสื้อผ้าที่มีความสกปรกมาก ๆ และมีเหงื่อชื้น เนื้อผ้าที่เหมาะในการซักโหมดนี้ได้แก่ ผ้าคอตตอน ลินิน เดนิม ผ้าขนหนู และชุดเครื่องนอน

  • โหมดซักสำหรับผ้ารีดสำเร็จ

สำหรับใครที่ไม่อยากให้ผ้าหดเสียทรงง่าย คุณควรตั้งโหมดซักสำหรับผ้ารีดสำเร็จ เพราะโหมดนี้จะรีดน้ำออกช้า ๆ เพื่อให้แรงกระทบผ้าได้อย่างนิ่มนวล เนื้อผ้าที่เหมาะในการซักโหมดนี้ได้แก่ ผ้าเนื้อใยสังเคราะห์อย่างเรยอน ไหมพรม โพลีเอสเตอร์ และอะซีเทต

  • โหมดซักผ้าเนื้อบอบบาง

สาวๆ คนไหนที่ต้องซักชุดลูกไม้หากไม่อยากให้ชุดลูกไม้ของคุณขาดชำรุด เราแนะนำให้คุณใช้โหมดซักผ้าเนื้อบอบบาง โดยโหมดนี้จะค่อย ๆ ปั่นอย่างช้า ๆ เนื้อผ้าที่เหมาะในการซักโหมดนี้ได้แก่ ชุดชั้นใน ผ้าเลื่อม ผ้าลูกไม้ ผ้าทอบาง ๆ และถุงน่อง

  • โหมดการซักพิเศษ

ใครที่มีเครื่องซักผ้ารุ่นใหม่จะมีโหมดการซักพิเศษ ซึ่งโหมดนี้สามารถทำการฆ่าเชื้อ อบไอน้ำ ปกป้องผ้าขาวและขจัดคราบสิ่งสกปรกออกได้ดียิ่งขึ้น 

เลือกอุณหภูมิน้ำให้เหมาะสมกับเสื้อผ้า

ถึงแม้ว่าการตั้งโหมดซักผ้าให้เหมาะสมจะเป็นอีกหนึ่งวิธีใช้เครื่องซักผ้าที่ช่วยถนอมเสื้อผ้าของคุณ แต่คุณยังต้องเลือกอุณหภูมิในการซักผ้า โดยมีดังนี้

  • น้ำเย็น เหมาะกับผ้าเนื้อบอบบาง
  • น้ำอุ่น เหมาะกับผ้าสีเข้ม และผ้าที่มีความสกปรกปานกลาง
  • น้ำร้อน เหมาะกับผ้าขนหนู เครื่องนอน ผ้าที่หนาอยู่ทรง หรือผ้าที่สกปรกมาก

วิธีใช้เครื่องซักผ้าที่เหมาะสมถูกต้อง

1.วางเครื่องซักผ้าให้ถูกตำแหน่ง

หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าการวางเครื่องซักผ้าให้ถูกตำแหน่ง นับเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับของวิธีใช้เครื่องซักผ้า ซึ่งคุณควรวางให้ห่างจากผนังประมาณ 4 นิ้ว เพราะระยะห่างนี้จะทำให้น้ำเข้า-ออกเครื่องได้อย่างคล่องตัว 

นอกจากนี้ควรวางในบริเวณที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงและจุดที่จะไม่มีหนูหรือแมลงสาบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทำลายสายไฟ และต้องวางในที่มีหลังคาหรือจุดหลบทั้งแดดและฝน เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องซักผ้าเกิดการผุกร่อน

2.ตรวจสอบเสื้อผ้าก่อนทำการซัก

ก่อนที่คุณจะนำเสื้อผ้าใส่ลงถังซักคุณควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่าในเสื้อผ้ามีเหรียญ แบงก์ หรือสิ่งของที่ตกค้างอยู่ภายในหรือไม่ เพราะสิ่งของเหล่านี้สามารถเข้าไปติดในมอเตอร์ได้ วิธีนี้ยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับเนื้อผ้าอีกด้วย

 วิธีซักผ้า

3.ตั้งค่าการซักให้เหมาะกับเสื้อผ้า

หลังจากที่คุณนำผ้าใส่เครื่องซักผ้าและใส่ผงซักฟอกแล้ว อย่าลืมตั้งค่าการซักให้เหมาะสมกับเนื้อผ้า ซึ่งโหมดการซักจะขึ้นอยู่กับเครื่องซักผ้าที่คุณเลือกใช้ด้วย โดยทั่วไปจะมีหลัก ๆ อยู่ 2 โหมด ได้แก่

  • ซักแบบปกติ เป็นระดับการซักแบบธรรมดาทั่วไป เหมาะกับผ้าที่ไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษ
  • ซักแบบถนอม เป็นระดับการซักแบบอ่อนโยนกับเนื้อผ้า เหมาะกับผ้าม่าน ผ้าลินิน ผ้าลูกไม้ ผ้าทอ

4.ใส่น้ำยาซักผ้าและผงซักฟอกในปริมาณที่พอเหมาะ

วิธีใช้เครื่องซักผ้าทำความสะอาดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด คุณจะต้องใส่น้ำยาซักผ้าและผงซักฟอกในปริมาณที่พอเหมาะสมกับผ้าที่คุณซัก เพราะถ้าคุณใส่ในปริมาณมากไปผงซักฟอกอาจหลงเหลืออยู่บนเนื้อผ้าได้ แต่ถ้าคุณใส่ปริมาณน้อยไปผ้าของคุณอาจไม่สะอาด ดังนั้นคุณควรจะต้องอ่านหลังกล่องผงซักฟอกและดูป้ายกำกับบนเครื่องซักผ้าเพื่อดูว่าต้องใช้ปริมาณมาก-น้อยแค่ไหนถึงจะเหมาะสม

5.ใส่ผ้าให้เหมาะสมกับขนาดของเครื่องซักผ้า

ถ้าคุณอยากซักผ้าให้สะอาด ควรใส่เสื้อผ้าในปริมาณที่พอเหมาะสมกับขนาดของเครื่องซักผ้า โดยปริมาณที่คุณควรซักจะอยู่ที่ประมาณ 8-12 ชิ้นต่อการซัก 1 ครั้ง

การใช้เครื่องซักผ้า

6.ไม่ควรงานใช้เครื่องซักผ้าบ่อยเกินไป

คุณควรซักผ้าเพียงวันละ 1-2 ครั้งเท่านั้น หากมากกว่านี้จะเป็นการใช้งานเครื่องซักผ้าที่หนักเกินไป เนื่องจากเครื่องซักผ้าทำงานด้วยมอเตอร์ หากเกิดความร้อนมากๆ อาจทำให้มอเตอร์ไหม้ได้ ดังนั้นคุณควรเว้นระยะให้เครื่องซักผ้าได้พักการใช้งานบ้าง

7.ล้างเครื่องซักผ้าทุก 1-2 เดือน

การล้างเครื่องซักผ้าทุก 1-2 เดือน เป็นอีกหนึ่งวิธีใช้เครื่องซักผ้าที่จะช่วยให้คุณซักผ้าหอมสะอาดยิ่งขึ้น เพราะคราบสกปรก เชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย และเศษฝุ่นต่างๆ จะอยู่ที่บริเวณก้นถัง สำหรับใครที่ไม่สะดวกในการล้างเครื่องซักผ้าด้วยตัวเองหรือไม่ค่อยมีเวลา คุณสามารถเรียกใช้บริการล้างเครื่องซักผ้าได้

ซึ่งบริการล้างเครื่องซักผ้าดีตรงที่สะดวกและประหยัดเวลาให้กับคุณ อีกทั้งช่างล้างเครื่องซักผ้ายังทำความสะอาดได้ดีกว่าเราอย่างแน่นอน เพราะช่างจะถอดล้างทำความสะอาดสิ่งสกปรกออกให้ทุกซอกทุกมุม ยิ่งคราบที่ฝั่งแน่นสะสมมานานยิ่งต้องใช้เทคนิคพิเศษ และน้ำยาพิเศษถึงจะล้างออกได้อย่างหมดจด

8.เปิดฝาเครื่องซักผ้าทิ้งไว้หลังซัก

ขั้นตอนการซักผ้าที่ถูกต้องคือ หลังจากที่คุณซักผ้าเสร็จแล้วให้ทำการการเปิดฝาถังของเครื่องซักผ้าทิ้งไว้ เป็นระยะเวลา 15-20 นาที เพื่อลดเชื้อโรคและแบคทีเรีย นอกจากนี้ควรนำตัวกรองออกมาทำความสะอาดด้วย

9.ตรวจสอบการทำงานของเครื่องซักผ้า

หากคุณอยากยืดอายุการใช้งานให้กับเครื่องซักผ้าของคุณ ควรหมั่นตรวจสอบการทำงานของเครื่องซักผ้าอย่างเป็นประจำว่าทำงานเป็นปกติดีไหม ระบบการจ่ายน้ำและการจ่ายไฟเป็นอย่างไรบ้าง หากพบจุดบกพร่องให้รีบดำเนินการซ่อมทันที

การซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า

บริการดูแลและทำความสะอาดเครื่องซักผ้า ที่ Q-CHANG

ขั้นตอนการซักผ้า

สำหรับใครที่ต้องการใช้บริการดูแลและทำความสะอาดเครื่องซักผ้า Q-CHANG เรายินดีให้บริการล้างเครื่องซักผ้า ทุกพื้นที่ให้บริการทั้งกรุงเทพและปริมณฑล เราเป็นช่างผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการ 3 ชั่วโมงต่อเครื่อง โดยมีทั้งบริการล้างเครื่องซักผ้า ตรวจสภาพการทำงานของเครื่องซักผ้า 10 รายการ พร้อมการรับประกันการล้าง 30 วัน ราคาเริ่มต้นเพียง 890 บาทต่อเครื่อง หากสนใจคุณสามารถจองบริการออนไลน์ได้ตลอด 24 ชม.


สรุปวิธีการใช้เครื่องซักผ้า

ทุกวันนี้เชื้อโรคแบคทีเรียอยู่รอบตัวเราตลอดเวลา ไหนจะฝุ่นควันที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสิ่งสกปรกเหล่านี้สามารถเกาะแน่นฝั่งอยู่ตามเสื้อผ้าของคุณได้  ดังนั้นเครื่องซักผ้าของคุณจึงต้องพร้อมทำงาน เพื่อขจัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ เหล่านี้ รวมถึงการซักผ้าตามวิธีใช้เครื่องซักผ้าที่ถูกต้อง จะช่วยให้เสื้อผ้าของคุณไม่ชำรุดเสียหาย

นอกจากนี้ควรปฏิบัติตามการดูแลเครื่องซักผ้าที่เราแนะนำไป รวมทั้งอย่าลืมล้างทำความสะอาดเครื่องซักผ้าทุก 1-2 เดือน เพื่อที่ผ้าจะได้ไม่หมอง ไม่มีกลิ่นอับช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณ การล้างทำความสะอาดเครื่องซักผ้ายังเป็นวิธีที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้าอีกด้วย หากสนใจบริการติดตั้งและดูแลเครื่องซักผ้าสามารถติดต่อเราได้ที่ช่องทางดังนี้